"พระร่วงที่พบเห็นจะมีศิลปะขอมเป็นพื้นฐาน และส่วนใหญ่จะพบเห็นในอาณาบริเวณที่ขอมเคยเรืองอำนาจ หรือสถานที่นั้นรับอารยธรรมจากขอมมาแทบทั้งสิ้น"
พระเครื่องสกุลพระร่วงนั้น มีหลายชนิดและขึ้นหลายกรุ เช่น พระร่วงหลังรางปืน กรุสวรรคโลก พระร่วงนั่งหลังลิ่ม กรุวัดช้างล้อม พระร่วงยืน หลังลายผ้า กรุวัดพระศรีมหาธาตุ ลพบุรี ฯลฯ เป็นที่น่าสังเกตว่า พระร่วงที่พบเห็นจะมีศิลปะขอมเป็นพื้นฐาน และส่วนใหญ่จะพบเห็นในอาณาบริเวณที่ขอมเคยเรืองอำนาจ หรือสถานที่นั้นรับอารยธรรมจากขอมมาแทบทั้งสิ้น
รูปร่างหน้าตาของพระร่วงที่พบเห็นจึงมีลักษณะพิเศษกล่าวคือ องค์พระจะทรงเครื่องศิราภรณ์ และเครื่องประดับอื่นๆ คล้ายเครื่องทรงกษัตริย์ สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นต้นเค้าแห่งพระพุทธรูปทรงเครื่องที่เผยแพร่เข้ามาในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากขอมมีความเชื่อเรื่องการรวมร่างของกษัตริย์กับเทวะหรือลัทธิสมมติเทพ โดยเรียกลักษณะดังกล่าวว่า "ทเรศวร" อันหมายถึง การรวมร่างกับพระอิศวร
จังหวัดลพบุรีซึ่งแต่เดิมเรียก "เมืองละโว้" ก็ปรากฏอิทธิพลของขอมอยู่ทั่วไปเช่นกัน อาทิ พระปรางค์สามยอด พระปรางแขก หรือ ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ นอกจากนี้ยังมีวัดโบราณสร้างและปฏิสังขรณ์ต่อเนื่องกันมาหลายยุคหลายสมัย ที่เป็นกรุพระเลื่องชื่อได้แก่ วัดพระศรีมหาธาตุ ซึ่งมีของเก่าแก่สวยงามให้ดูมากมาย และที่จะขอกล่าวถึงในฉบับนี้คือ "พระร่วงยืน หลังลายผ้า" หนึ่งในพระเครื่องขึ้นชื่อของวัดพระศรีมหาธาตุ ดังที่หลายๆ ท่านเคยได้ยินวลีว่า...ถ้าเป็นพระพิมพ์ยืนต้องยกให้ "พระร่วงหลังลายผ้า" แต่ถ้าพระพิมพ์นั่งล่ะก็ต้องเป็น "พระหูยาน ลพบุรี"...
พระร่วงยืน หลังลายผ้า กรุวัดพระศรีมหาธาตุ ลพบุรี เป็นพระเครื่องที่มีพุทธลักษณะงดงาม แสดงให้เห็นถึงศิลปะของขอมอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับพระร่วงแถบสุโขทัย มีพุทธลักษณะคล้ายกันกับพระร่วงหลังรางปืน สวรรคโลก ซึ่งเป็นศิลปะแบบเขมรบายน แตกกรุครั้งแรกประมาณปี พ.ศ.2430 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ดูจากลักษณะขององค์พระ แสดงว่ามีอายุเก่าแก่ประมาณ 900 ปี ซึ่งคงจะสร้างขึ้นเมื่อขอมมีอิทธิพลเหนือสุโขทัยและละโว้ มีอยู่ด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก ด้านหลังจะเป็นลายผ้าคล้ายกับหลังของพระหูยาน กรุวัดพระศรีมหาธาตุ ลพบุรี เนื่องจากตอนเทพิมพ์ได้นำผ้ากระสอบกดทับลงไปเพื่อให้หน้าพระติดแม่พิมพ์เต็มจึงเกิดเป็นรอยผ้าขึ้น ซึ่งแตกต่างจากด้านหลังของพระร่วงหลังรางปืน และพระร่วงนั่งหลังลิ่ม ที่ใช้วัสดุประเภทไม้กดลงไปจึงเกิดเป็นร่องรางปืนแลเห็นเป็นเสี้ยนไม้และรูปลิ่มขึ้น
3หลังจากนั้นมีการแตกกรุออกมาอีก 2 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ.2455 และ ปี พ.ศ. 2458 โดยพบในบริเวณใกล้เคียงกับการแตกกรุครั้งแรก องค์พระที่พบจะมีเนื้อตะกั่วสนิมแดงเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเนื้อชินเงินมีจำนวนไม่มากนัก นอกจากนี้ ยังพบพระที่มีลักษณะใกล้เคียง กันบริเวณที่เรียกว่า วิหารกรอ ซึ่งเป็นวิหารขนาดเล็ก สันนิษฐานว่าเป็นที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาพราหมณ์และพุทธมหายานของขอมในอดีต พระเครื่องที่ขุดพบจากกรุวิหารกรอมีหลายพิมพ์ แต่ที่โดดเด่นก็คือ "พระร่วงยืน" ซึ่งมีทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก แตกกรุครั้งแรกประมาณปี พ.ศ.2430 พร้อมกับพระร่วงยืนหลังลายผ้า แต่พบจำนวนน้อย
ทั้งหมดเป็นพระเนื้อชินสนิมแดง มีชื่อเรียกในวงการพระว่า พระร่วงยืน กรุวิหารกรอ พุทธลักษณะเป็นศิลปะลพบุรี องค์พระยืนประทานพร ยกพระหัตถ์ขวาเสมอพระอุระ และพระกรซ้ายทอดลงสู่เบื้องล่าง เหมือนกับพระร่วงยืนหลังลายผ้า แต่ต่างกันตรงที่องค์พระไม่มีซุ้มเรือนแก้วครอบคลุมอยู่ ลักษณะของสนิมแดงที่ปรากฏบนองค์พระก็เหมือนกัน คือ คราบไขขาวค่อนข้างบาง สนิมไม่แดงเข้มมากนัก ส่วนขนาดขององค์พระจะเล็กกว่า คือกว้างประมาณ 2 ซ.ม. สูง 6.5 ซ.ม. ความนิยมแม้จะเป็นรองและสนนราคาถูกกว่า แต่ก็เป็นที่เสาะแสวงหาและหายากพอๆ กัน
ในปี พ.ศ.2515 มีการสร้างอาคารเรียนบริเวณโรงเรียนช่างกล ซึ่งบริเวณนั้นเคยเป็นวัดเก่าแก่มาก่อน ช่างก่อสร้างได้พบพระร่วงยืนหลังลายผ้าอีกประมาณ 200 องค์ รวมทั้งพระพิมพ์อื่นๆ จำนวนหนึ่ง ปรากฏว่า พระร่วงที่พบบริเวณโรงเรียนช่างกล เป็นพระพิมพ์เดียวกับกรุวัดพระศรีมหาธาตุทุกประการ จะแตกต่างกันตรงที่สนิมขององค์พระจะแดงเข้มกว่า และมีลักษณะบางกว่าเล็กน้อย เรียกกันในวงการว่า พระร่วงยืน หลังลายผ้า กรุช่างกล ลพบุรี พบทั้งพิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก
พระร่วงยืน หลังลายผ้า กรุวัดพระศรี มหาธาตุ ลพบุรี นี้ นอกจากจะเป็นพระเครื่องที่มีพุทธลักษณะงดงามแล้ว ด้านพุทธคุณก็เป็นที่เลื่องลือเช่นกันโดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี เข้าทำนอง "พระยอดขุนพล" รวมทั้งเชื่อว่าองค์พระจะประทานพร และมีพุทธวาจาศักดิ์สิทธิ์เฉกเดียวกับพระร่วงที่ปรากฏในตำนานอีกด้วย
|